เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันในนามกองกำลังพันธมิตรภราดรภาพได้เข้าบุกจู่โจมกองกำลังทหารพม่าจากหลายด้าน หนักที่สุดจุดหนึ่งคือทางตอนเหนือของรัฐฉาน ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศจีน
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา บริเวณดังกล่าวมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างกองทัพโกก้าง (MADAA) ซึ่งมีฐานกำลังหลักที่นั่นกับทหารจากกองทัพพม่า การสู้รบในเมียนมาทำให้ทางการจีนต้องเตรียมรับมือกับความสุ่มเสี่ยงบริเวณชายแดนด้วยการประกาศซ้อมรบ
ครบ 1 เดือน “ปฏิบัติการ 1027” เมียนมาลุกเป็นไฟ หลายพื้นที่ถูกยึด
จุดเริ่มต้นของจุดจบ รัฐบาลทหารเมียนมาอาจถูกโค่นล้มคำพูดจาก เครื่องสล็อต?
โดยส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนของรัฐฉานทางตอนเหนือที่ติดกับประเทศจีนทางตอนใต้ ชาวเมียนมากลุ่มหนึ่งไปรวมตัวอยู่บริเวณรั้วลวดหนามที่กั้นชายแดน ก่อนจะเปิดการโต้เถียงกับหน่วยยามชายแดนของจีน
โดยหญิงชาวเมียนมาที่กำลังอุ้มเด็กอยู่ได้ตะโกนใส่หน่วยยามชายแดนของจีนว่า จะต้องเปิดด่านให้พวกเขาเข้าไปที่จีน เพราะตอนนี้กำลังเกิดการต่อสู้อย่างหนักขณะที่ทางหน่วยยามชายแดนจีนยืนยันกลับว่าไม่สามารถเปิดด่านให้ผ่านได้
นอกจากนี้ยังมีการตะโกนให้ทางจีนปล่อยชาวเมียนมาที่ถูกจับ หลังจากที่ลักลอบข้ามแดนไปก่อนหน้านี้ นอกจากกลุ่มคนที่กำลังตะโกนถกเถียงกับหน่วยยามชายแดนของจีนแล้ว จากภาพจะเห็นว่าตลอดแนวรั้วยาวยังมีชาวเมียนมาจำนวนมากที่ยืนต่อแถวยาวเพื่อพยายามหนีข้ามฝั่งด้วย สำนักข่าวรอยเตอร์ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่คลิปนี้ระบุว่า ไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นบริเวณหรือหมู่บ้านใด บอกได้เพียงว่าอยู่ที่ชายแดนของรัฐฉานทางตอนเหนือเท่านั้น
ขณะนี้บริเวณรัฐฉานทางตอนเหนือได้กลายเป็นพื้นที่สู้รบที่สำคัญระหว่างกองกำลังชาติพันธุ์ที่จับมือรวมตัวกันภายใต้ชื่อ “กองกำลังพันธมิตรภราดรภาพ” กับกองทัพพม่า โดยการสู้รบเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้ปฏิบัติการที่เรียกว่า “Operation 1027”
จับตา 1 เดือน หลังกองกำลังชาติพันธุ์เปิดฉากโจมตี
“กองกำลังพันธมิตรภราดรภาพ” ประกอบไปด้วยกองกำลังชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม คือ กองทัพโกก้าง (MNDAA) กองทัพปลดปล่อยตะอางหรือปะหล่อง (TNLA) และกองทัพอาระกัน (AA) ซึ่งถือเป็นกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้มแข็งที่สุด ทั้งหมดเปิดฉากโจมตีกองทัพพม่าจากทุกทิศทางตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “Operation 1027”
มีการประกาศยุทธวิธีที่เริ่มต้นจากการยึดหมู่บ้าน จากนั้นตามมาด้วยการยึดเมือง ก่อนจะมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดคือ กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของประเทศ การโจมตีดุเดือดที่สุดเกิดขึ้นในรัฐฉานเหนือซึ่งติดกับประเทศจีน
รัฐฉานคือรัฐที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเมียนมา มีการแบ่งออกเป็น 3 โซน โซนแรกคือ รัฐฉานตะวันออก มี 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงตุง, ท่าขี้เหล็ก และ เมืองสาด โซนที่ 2 คือ รัฐฉานใต้ มี 3 จังหวัดสำคัญเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ หลอยเลง, ตองจี และ ลางเคอ และ โซนสุดท้ายคือ รัฐฉานเหนือ โซนนี้มี 7 จังหวัด ได้แก่ เมืองมีด, เจ้าแม, ลาโซ, โฮปัน, แมะแมน, เล่าก์ก่าย และมูเซ
บริเวณรัฐฉานเหนือเป็นฐานที่มั่นของกองทัพโกก้าง (MNDAA) และกองทัพปลดปล่อยตะอางหรือปะหล่อง (TNLA) โดยกองกำลังทั้ง 2 กลุ่มได้เปิดฉากต่อสู้กับทหารพม่าที่ประจำการอยู่ที่นั่นอย่างดุเดือด
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองกำลังชาติพันธุ์ทั้ง 2 กลุ่มนี้สามารถยึดพื้นที่จากกองทัพพม่าได้เป็นจำนวนมากรวมถึงค่ายทหารและฐานทหารราว 100 แห่ง และถนนสายหลักจำนวนหนึ่ง นี่คือสภาพของฐานแห่งหนึ่งหลังจากทหารพม่าล่าถอยออกไป โดยกองกำลังโกก้างได้เข้ายึดรถถังและอาวุธยุทธโธปกรณ์จำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้
รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว CNNที่อ้างอิงจากคำสัมภาษณ์ของกองกำลังฝ่ายต่อต้านและสื่ออิสระท้องถิ่นระบุว่าขณะนี้รัฐบาลทหารได้สูญเสียการควบคุมเมืองในรัฐฉานแล้วอย่างน้อย 6 เมืองรวมถึงเมืองชิน ส่วย ห่อและกุ๋นหลง ซึ่งเป็นเมืองชายแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ด้านการค้าและการคมนาคมร่วมกับ จีน
อพยพชายแดนจีนเมียนมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีชาวจีนจำนวนมากที่ทำงานในรัฐฉานตอนเหนือตัดสินใจข้ามแดนกลับประเทศขณะที่ชาวเมียนมาจำนวนมากที่ต้องการหนีภัยการสู้รบต้องติดอยู่ตามแนวชายแดนเพราะไม่สามารถข้ามไปอีกฝั่งได้
ล่าสุด องค์การสหประชาติหรือยูเอ็นระบุว่า เฉพาะในรัฐฉานทางเหนือ มีชาวเมียนมาที่ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากการสู้รบแล้วมากกว่า 80,000 คน และหากรวมแนวรบด้านตะวันออกและตะวันตกของเมียนมาด้วย ขณะนี้มีผู้พลัดถิ่นจากสงครามแล้วถึง 332,000 คน
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ทางการจีนออกมาเรียกร้องหลายครั้งให้กองกำลังชาติพันธุ์และกองทัพพม่ายุติการสู้รบเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้
นอกเหนือจากฐานทหารและสถานที่ราชการแล้ว กองกำลังชาติพันธุ์ยังยึดประตูการค้าหลายแห่งตามแนวชายแดนได้ด้วยหลายจังหวัดในรัฐฉานเหนือคือที่ตั้งของศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าขาย โดยมีนักธุรกิจจากหลากหลายที่ โดยเฉพาะจากจีนเข้ามาตั้งฐานลงทุน
บริเวณดังกล่าวจึงมีประตูการค้าหลายแห่งตั้งอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงประตู "จึ่งซานเจ้าะ" (Kyin San Kyawt Border Gate) ซึ่งอยู่ในจังหวัดมูเซ ติดมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ที่นี่ถือเป็นจุดผ่านที่สำคัญของสินค้าจากจีนเข้าสู่รัฐฉาน โดยสินค้าที่ผ่านประตูนี้มีตั้งแต่เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์และเครื่องมือการเกษตร รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค โดยกองกำลังชาติพันธุ์ยึดประตูจึ่งซานเจ้าะไว้ได้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดการต่อสู้กันอย่างหนัก ก่อนจะมีภาพของรถบรรทุกสินค้าหลายสิบคันที่กำลังถูกเพลิงไฟโหมกระหน่ำ
รอยเตอร์ระบุว่า ขบวนรถบรรทุกสินค้านี้มีทั้งหมด 258 คัน โดยเดินทางมาจากจีนเพื่อเข้าไปส่งของในเมียนมา ในระหว่างที่จอดค้างอยู่จุดผ่านแดนก็เกิดมีการเข้าเผาจนรถสินค้าเสียหายไปถึง 120 คัน และจนถึงขณะนี้กองทัพพม่าและกองกำลังชาติพันธุ์ยังกล่าวโทษกันไปมาว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่าย
สถานการณ์การสู้รบที่ส่อเค้าบานปลายทำให้เมื่อวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนออกมาประกาศให้พลเรือนของตนที่อยู่ในรัฐฉานทางตอนเหนือเดินทางกลับประเทศ ก่อนที่ในวันถัดมา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนจะเปิดการซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมบริเวณแนวชายแดน
จีนเผยภาพกองทัพซ้อมรบบริเวณชายแดนติดเมียนมา
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนมีการเผยแพร่ภาพขบวนยานยนต์ทางการทหารของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนที่กำลังมุ่งหน้าไปที่แนวชายแดนที่ติดกับรัฐฉานเหนือ หลังจากนั้นก็ปรากฏภาพการจำลองสถานการณ์การสู้รบ มีทหารราบพร้อมอาวุธหนักครบมือ กระจายกำลังปฏิบัติการร่วมกับยานยนต์หุ้มเกราะและรถถังหลายสิบคัน ในการซ้อมรบครั้งนี้ได้มีการนำรถบรรทุกที่ติดตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธหรือจรวดหลายลำกล้องเข้ามาร่วมด้วย
CCTV ระบุว่า ภาพดังกล่าวถ่ายไว้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการซ้อมรบ โดยก่อนการซ้อมรบจะเริ่มขึ้น ทางการจีนได้มีการแจ้งไปยังรัฐบาลทหารพม่าแล้ว
กองบัญชาการทางใต้ หรือ Southern Theater Command ซึ่งรับผิดชอบดูแลความมั่นคงในบริเวณชายแดนที่ติดกับรัฐฉานแถลงว่า จุดประสงค์ของการซ้อมรบก็เพื่อปกป้องความมั่นคงตามแนวชายแดนและแผ่นดินของจีน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการให้รายละเอียดว่าการซ้อมรบจะมีขึ้นเป็นเวลากี่วัน
นอกจากความมั่นคงบริเวณตามแนวชายแดนแล้ว อีกสิ่งที่จีนมีความเป็นกังวลคือ ความมั่นคงด้านพลังงานเนื่องจากจุดอยู่ในพื้นที่การสู้รบเป็นทางผ่านของท่อก๊าซธรรมชาติและท่อน้ำมัน
ท่อคู่ขนานดังกล่าวมีความยาวเกือบ 800 กิโลเมตร เริ่มจากอ่าวเบงกอลในรัฐยะไข่ ตัดยาวไปจนถึงรัฐฉานทางตอนเหนือ ก่อนที่จะเข้าสู่ประเทศจีน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ กองกำลังพันธมิตรภราดรภาพจะออกแถลงการณ์ร่วมว่า จะช่วยกันดูแลไม่ให้ผลประโยชน์ของจีนได้รับความเสียหาย แต่การต่อสู้กันก็มีความเสี่ยงจนทำให้รัฐบาลจีนต้องออกโรง
นอกเหนือจากรัฐฉานทางตอนเหนือแล้ว กองกำลังชาติพันธุ์ยังเปิดศึกกับรัฐบาลทหารเมียนมาทางตะวันออกและทางตะวันตก
จับตา 1 เดือน แนวรบรัฐกะยา-รัฐกะเหรี่ยง-รัฐยะไข่
ถัดจากรัฐฉานลงมาคือรัฐกะยา (หรือรัฐคะเรนนี) รัฐทางตะวันออกแห่งนี้ของเมียนมาอยู่ติดกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทย จุดนี้กองกำลังป้องกันแห่งชาติกระเหรี่ยงแดงหรือ KNDF กำลังต่อสู้กับทหารพม่าอย่างดุเดือดในหลายเมือง รวมถึงเมืองลอยก่อ ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐการปะทะกันต่อยาวลงมาถึงรัฐกะเหรี่ยงซึ่งมีชายแดนติดกับไทยเช่นเดียวกัน
ความคืบหน้าที่สำคัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อกองกำลังในรัฐกะยาจับมือกองกำลังของรัฐกะเหรี่ยงบุกยึดฐานโหม่โหล่โจ ซึ่งเป็นฐานทหารพม่าบริเวณรอยต่อระหว่างทั้ง 2 รัฐได้สำเร็จ
ส่วนทางด้านตะวันตก แนวรบหลักๆ อยู่ในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกองทัพอาระกัน (AA) โดยมีรายงานว่า AA สามารถยึดฐานที่มั่นของกองทัพพม่าได้จำนวนมาก และจุดปะทะหลักๆ ขณะนี้อยู่ที่เมืองมงดอว์และเพ้าก์ตอว์ ผลจากการสู้รบทำให้มีรายงานว่า ชาวโรฮิงญาจำนวนมากในรัฐยะไข่เริ่มอพยพออกจากพื้นที่
การถูกกองกำลังชาติพันธุ์เปิดฉากโจมตีจากรอบด้านคือบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดของพลเอกอาวุโส มิน อ่องหล่าย ผู้นำในทางพฤตินัยของรัฐบาลทหารเมียนมา นับตั้งแต่เขายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของนางอองซาน ซูจี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021และถึงแม้จะถูกโจมตีจากรอบทิศ แต่หลายฝ่ายยังประเมินว่า ยังเป็นเรื่องยากที่กองกำลังชาติพันธุ์จะรุกเข้าถึงกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของประเทศ
กางปฏิทินโอน "เงินช่วยชาวนา" ไร่ละ 1,000 บาท เริ่มเข้าบัญชีแล้ว
ครม.เตรียมพิจารณาขึ้นเงินเดือนราชการ แย้มอาจไม่ใช่การปรับขึ้นทั้งระบบ
ประกาศฉบับที่ 9 เตือน! 14 จังหวัดภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก